Welcom to new mom blog

ยินดีต้อนรับคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ แชร์ประสบการณ์และหาความรู้เพิ่มเติม

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ฟันดี ฟันสวย เริ่มต้นตั้งแต่ยังลูกน้อยยังเล็กๆ

พัฒนาการของฟันน้ำนม เริ่มการสร้างหน่อฟันน้ำนมในขณะที่ทารกอยู่ในครรภ์ มารดาที่มีอายุครรภ์ประมาณ 6 สัปดาห์ แล้วเริ่มโผล่พ้นเหงือกเมื่อเด็กอายุประมาณ 6-9 เดือน แล้วจะเริ่มมีซี่ต่อไปเริ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนลูกน้อยอายุประมาณ 2 ปีครึ่ง ฟันน้ำนมจะขึ้นครบทั้งหมด 20 ซี่ เท่านั้นยังไม่จบ เพราะปัญหามันมีอยู่ว่าเราจะสอนลูกน้อยให้รู้จักรักษาฟันน้ำนมให้อยู่กับเขาให้นานที่สุด โดยไม่มีปัญหาเรื่องฟันให้ปวดหัว คุณแม่ทราบมั้ยค่ะว่า ฟันน้ำนมก็ผุได้ ซึ่งเด็กจำนวนมากเป็นโรคฟันผุ กลุ่มอายุ 3 ปี ที่ฟันน้ำนมเพิ่งขึ้นครบ เป็นโรคฟันผุประมาณ 7 คน ในเด็ก 10 คน โรคฟันผุในเด็กลุกลามเร็ว เด็กที่ฟันผุจึงมักผุหลายๆซี่ เช่น ฟันผุในฟันหน้าบนทั้ง 4 ซี่ ซึ่งอาการฟันผุนอกจากจะทำให้ลูกน้อยเสียฟันน้ำนมเร็วกว่าเวลาอันควรแล้ว ยังทำให้เด็กทุกข์ทรมาน และเจ็บป่วย เพราะฟันผุที่ลุกลามถึงโพรงประสาทฟันจะทำให้เด็กปวดฟัน กินอาหารได้ลำบาก รูฟันผุเปรียบเสมือน หลุมของ เชื้อโรค เป็นแหล่งเพิ่มจำนวนและเชื้อโรคอาจจะแพร่กระจายไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทำให้เกิดการอักเสบบวม และทำให้ลูกน้อยเจ็บป่วย
อาการเริ่มแรก แสดงว่าฟันผุ
คราบจุลินทรีย์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟันผุ ซึ่งประกอบด้วย สารโปรตีนจากน้ำลายและเชื้อจุลินทรีย์ชนิดที่ทำให้ฟันผุ ลักษณะเหนียวเกาะติดกับผิวฟัน มองเห็นเป็นคราบสีขาว หรือสีเหลือง มักเรียกว่า ขี้ฟัน อาหารของเชื้อโรคฟันผุ คือ แป้ง และน้ำตาล เมื่อเชื้อโรคใช้อาหารแล้ว จะปล่อยกรดออกมา ทำให้ฟันสูญเสียแร่ธาตุแข็งออกจากตัวฟัน ผลึกฟันจะเปื่อยยุ่ย และกลายเป็นรูผุ การป้องกันฟันผุที่ได้ผล คือ การกำจัดคราบจุลินทรีย์ด้วยการแปรงฟัน การบ้วนปากไม่สามารถทำให้คราบจุลินทรีย์หลุดออกไปได้
ทำความสะอาด หัวใจป้องกันฟันผุ
การทำความสะอาดช่องปากลูกน้อย หากเป็นทารกแค่ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำสะอาดเช็ดสันเหงือก กระพุ้งแก้ม ให้ทั่วทั้งปากในช่วงเวลาที่อาบน้ำ แต่หากลูกน้อยโตพอที่จะมีฟันบดเคี้ยวอาหารควรให้ทำดังนี้
การแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์
วิธีแปรงฟันให้เด็ก แปรงให้ลูกน้อยโดยการถูไปมาตามแนวนอนคล้ายถูพื้น ขยับสั้นๆฃ้ำๆประมาณ 10 ครั้ง แล้วจึงขยับแปรงที่อื่น แปรงให้ทั่วทุกซี่ วิธีแปรงฟันแบบถูไปมาเหมาะกับโครงสร้างฟันน้ำนมที่มีส่วนป่องที่คอฟัน ทำให้คราบจุลินทรีย์หลุดออกได้ง่าย ขนแปรงไม่เป็นอันตรายต่อเหงือก และฝึกหัดให้ลูกน้อยแปรงเองได้

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เคล็ดลับการทำให้นอนหลับได้มากขึ้น

การพักผ่อนที่ดีที่สุดก็คือการนอนหลับ สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ การนอนหลับสำคัญมากๆค่ะ นอกจากทำให้คุณแม่ได้พักผ่อนแล้ว ก็จะเป็นผลพลอยได้สำหรับลูกน้อยด้วย เมื่อคุณแม่แข็งแรง ลูกก็จะแข็งแรงตามไปด้วย 
  • งดการดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม ในตอนเย็น และก่อนนอน
  • พยายามเลี่ยงการดื่มน้ำในปริมาณมาก หรืออาหารมื้อใหญ่ ในระหว่าง 3 ชั่วโมงก่อนนอน เพราะจะทำให้คุณแม่อึดอัดมากขึ้นค่ะ เมื่อนอนหงาย
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ การทำกิจกรรมที่ตื่นเต้น เช่นดูภาพยนตร์ หรือว่าเล่นเกมส์ คุณแม่ควรจะทำร่างกายให้สบาย อาจจะดื่มนม หรือว่าน้ำเต้าหู้อุ่นๆ ก่อนนอน
  • ทำให้ห้องนอนของคุณแม่สบาย ปรับปรุงเตียงให้น่านอน อากาศถ่ายเทสะดวก
  • พยายามเข้านอน และตื่นนอนในเวลาเดิมทุกวัน ภายในสมองของคนเราจะเหมือนมีนาฬิกาภายใน การเข้านอน และตื่นนอนในเวลาเดิมจะทำให้นอนหลับได้มากขึ้น และร่างกายไม่อ่อนเพลีย
  • หากการตื่นนอนจากการเป็นตะคริว ให้ลุกขึ้นยืน หรือว่าเหยียดปลายเท้าเข้าหาผนัง จะทำให้อาการดีขึ้น คุณแม่ควรตรวจดูว่า คุณแม่กินแคลเซียมได้ครบตามที่คุณหมอสั่งหรือเปล่า
  • หากคุณแม่มีความกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์มาก คุณแม่อาจจะพูดคุยกับเพื่อนหรือผู้ใหญ่ที่เคยมีประสบการณ์ หรือเข้าอบรมการเป็นคุณแม่มือใหม่ การได้รับรู้ขั้นตอนการคลอดและการเลี้ยงลูก หรือมีเพื่อนที่ตั้งครรภ์ด้วยกัน จะทำให้คุณแม่ลดความกังวลลงได้


วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อาหารกับพัฒนาการของลูกน้อย

อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยพัฒนาสมองของลูกน้อยขวบปีให้เติบโตแข็งแรงสมวัย การที่ลูกน้อยจะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด และมีร่างกายที่แข็งแรงได้นั้นต้องได้รับประทานอาหารหลักครบ 5 หมู่ทุกวัน และควรได้รับประทานสารอาหารในกลุ่มอาหารสมองเป็นประจำ กลุ่มอาหารบำรุงสมองเพื่อลูกน้อยประกอบด้วย

DHA ดีเอชเอ มีมากในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลม่อน ปลาซาร์ดีน
ประโชยน์ ช่วยในการพัฒนาสมอง โดยเฉพาะด้านการเรียนรู้ และความจำ

วิตามินบี 1 มีมากในเนื้อหมู ข้าวซ้อมมือ ถั่ว งา ข้าวโพด กะหล่ำปลี คะน้า ผักกาดหอม และถั่วงอก
ประโยชน์ ช่วยบำรุงปราสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลายประสาท และยังช่วยในการหมุนเวียนโลหิต รวมทั้งสร้างเม็ดเลือดแดงในร่างกายด้วย

วิตามินบี 2 มีมากในถั่วลิสง ถั่วเหลือง รำ แอปเบิ้ล คะน้า ผักกาด ผักใบเขียว และตับ
ประโยชน์ ช่วยในกระบวนการเมทาโบลิซึมของสารอาหารให้ได้พลังงานและบำรุงประสาท

วิตามินบี 6 มีมากในเนื้อสัตว์ ข้าวซ้อมมือ ถั่วเหลือง ข้าวโพด และถั่วต่างๆ
ประโยชน์ ช่วยบำรุงประสาทเกี่ยวข้องกับความจำ บำรุงกล้ามเนื้อ ผิวหนัง และช่วยสร้างเม็ดเลือด

วิตามินบี 12 มีมากในเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์ จากสัตว์ ไข่ นม และปลา
ประโยชน์ ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง การทำงานของระบบประสาท และสมองเกี่ยวข้องในการสร้างฉนวนหุ้มใยประสาท อันจะทำให้เซลล์ประสาททำงานได้อย่างเป็นระบบ

วิตามินซี มีมากในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะเขือเทศ กล้วย ส้ม ฝรั่ง กะหล่ำปลี และผักต่างๆ
ประโยชน์ ช่วยให้วิตามินอีทำงานได้อย่างเต็มที่ในการรักษาโครงสร้างเซลล์ประสาท และสมองไม่ให้ถูกทำลายจากสารอนุมูลอิสระ อันเนื่องมาจากมลพิษต่างๆ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายไม่ให้ติดเชื้อโรคง่ายๆ

เหล็ก มีมากในเนื้อสัตว์ที่มีสีแดง เช่น เนื้อหมู รำข้าว ฟองเต้าหู้ ใบตำลึง ถั่ว และมะเขือพวง
ประโยชน์ ช่วยสร้างเม็ดเลือด และสร้างฉนวนหุ้มใยประสาท ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการทำงานของสมองและสติปัญญาของลูกน้อย

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อัลตราซาวด์ 4 มิติ

อัลตราซาวด์สี่มิติ คือ การตรวจอัลตราซาวด์แบบใหม่ ที่สามารถทำให้เห็นภาพทารกในครรภ์เสมือนจริง โดยที่หลักการในการตรวจอัลตราซาวด์ก็ยังเป็นเช่นเดียวกับการอัลตราซาวด์ธรรมดา คือใช้การส่งคลื่นเสียงความถี่ออกไปจากหัวตรวจ (Transducer) แล้วรับสัญญาณสะท้อนกลับจากเนื้อเยื่อชั้นต่างๆ นำมาประมวลผลและสร้างขึ้นเป็นภาพ
ในอัลตราซาวด์สองมิติแบบธรรมดา หัวตรวจจะส่งคลื่นเสียงความถี่ที่มีลักษณะเป็นระนาบเดียว ซึ่งคลื่นเสียงมีลักษณะเหมือนแผ่นกระจกแบนๆนั้นเอง ดังนั้นภาพที่ได้จากอัลตราซาวด์สองมิติก็จะเป็นภาพตัดขวางของวัตถุนั้นๆ คือเราจะเห็นภาพตัดขวางของส่วนก้นและอวัยวะเพศของทารก
ในการสร้างภาพ 4 มิติ หัวตรวจและอุปกรณ์ประมวลผลจะมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยหัวตรวจจะส่งคลื่นเสียงในลักษณะหลายระนาบ ซึ่งคลื่นเสียงที่ออกมาจะมีลักษณะเหมือนแผ่นกระจกที่กวาดไปมา ดังนั้นจะมีการเก็บข้อมูลของวัตถุอย่างต่อเนื่องกัน ข้อมูลที่ได้จะถูกประมวลผลและสร้างเป็นภาพสมามิติ โดยมิติที่ 3 ที่เพิ่มขึ้นมาคือ "ความลึก" ซึ่งจะทำให้ภาพนั้นมีลักษณะเสมือนวัตถุจริง คือเห็นลักษณะของพื้นผิวในบริเวณที่ตรวจ ไม่ใช่ภาพตัดขวางของวัตถุ เราจะเห็นภาพของส่วนก้นและอวัยวะเพศทารกเป็นภาพเหมือนจริง และความซับซ้อนมากนั้นมีมากขึ้นไปอีก โดยเครื่องจะทำการเก็บภาพสามมิติ แต่ละภาพในระหว่างช่วงเวลาแล้วแสดงผลต่อเนื่องกัน ทำให้เกิดเป็นภาพเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับภาพยนต์ นั้นจึงเป็นที่มาของชื่อ อัลตราซาวด์ 4 มิติ เนื่องจากมิติที่ 4 คือ "เวลา" นั้นเอง

ขอขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆ : ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลบีเอ็นเอช