Welcom to new mom blog

ยินดีต้อนรับคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ แชร์ประสบการณ์และหาความรู้เพิ่มเติม

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันนี้ที่รอคอย วันที่แม่ได้เห็นหน้าลูกสาว

วันที่ 2 กันยายน 2552 เป็นวันที่ครบกำหนดคลอดของลูกสาว แม่เลือก
วิธีการคลอดแบบธรรมชาติ เพื่ออยากจะให้ลูกมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงตั้งแต่แรกคลอด ซึ่งการคลอดแบบธรรมชาติในขณะทีศีรษะและทรวงอกของทารกผ่านทางช่องคลอดออกมานั้น จะช่วยบีบไล่เอาน้ำคร่ำ ที่ค้างอยู่ในปอด หลอดลม หรือกระเพาะอาหารของทารกออกมาเองตามธรรมชาติ เมื่อลูกน้อยเกิดมา แล้ว จะได้ไม่เกิดการสำลักเอาน้ำคร่ำเข้าไปในปอดให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดิน หายใจได้ ปากมดลูกที่เปิดขยายกว้าง ให้ลูกน้อยผ่านออกมาและยังช่วยขับน้ำคาวปลาออกได้เป็นอย่างดีด้วย
ตั้งแต่ผลการเจาะน้ำคร่ำว่าลูกของแม่เป็นโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งเป็นชนิดที่
ไม่รุนแรงมาก ก็จริง แต่ถ้าแม่เลือกได้ แม่ไม่อยากให้ลูกสาวของแม่เป็นโรคอะไรเลย อยากให้ลูกสาวเหมือนกับเด็กอื่นๆทั่วๆไป ซึ่งตัวแม่เองก็ไม่รู้ว่าลูกน้อยที่จะเกิดมาจะเป็นยังไง ตั้งแต่วันนั้นที่รู้ จนถึงตอนนี้ แม่ก็อยากจะทำทุกอย่างเพื่อลูกสาว หัวใจของคนที่เป็นแม่ จะรู้สึกแย่แค่ไหนที่รู้ว่าลูกตัวเองเป็นโรคตั้งแต่อยู่ในท้อง ก่อนนอนร้องไห้ เพราะสงสารลูก แต่ก็กลับคิดขึ้นมาว่า แม่ร้องไห้ แม่เครียด ลูกสาวแม่ที่อยู่ในท้องเราก็คงจะเครียดไปด้วย พ่อจะคอยปลอบใจแม่ให้ สู้ เพื่อลูกของเรา
วันที่ 31 สิงหาคม 2552 คุณหมอนัดตรวจตามปกติ ซึ่งตัวแม่เองยังไม่
มีอาการว่าจะเจ็บท้องคลอดเลย คุณหมอได้ตรวจปากมดลูกให้ บอกว่า ปากมดลูกเปิด 2 cm. แล้วให้ไปโรงพยาบาลได้เลย คงจะคลอดภายในคืนนี้แหล่ะ คุณหมอบอก ใจของแม่ตอนนั้น ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว ...พ่อพาแม่มาถึงโรงพยาบาลตอน 4 ทุ่มกว่าๆ เข้าไปในห้องรอคลอด เสียงร้อง ครวนคราง ปานใจจะขาด ทำให้ใจแม่เต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย คิดในใจว่าทำไมเค้าต้องร้องไห้ขนาดนั้น มันเจ็บมากเลยหรอ พยาบาลให้แม่เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็โกนขนเพชรออก และก็ยังโดนสวนตูดอีกตะหาก พยาบาลบอกว่าง่ายในการทำความสะอาดและไม่เสี่ยงในการติดเชื้อด้วย ตลอดทั้งคืนนั้นตัวแม่เองก็นอนไม่หลับ เพราะเสียงร้องของแม่ข้างๆนั้นเอง รวมทั้งพยาบาลและผู้ช่วย ที่คอยมาตรวจดูปากมดลูกของแม่ตลอด สรุปว่าคืนนั้นแม่ก็ไม่เจ็บท้องคลอดเลย


จนกระทั่ง 9 โมงเช้าของวันที่ 1 กันยายน 2552 คุณหมอมาตรวจปากมดลูก เปิด 4 cm. แล้ว แต่ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตกเลย คุณหมอเลยทำการเจาะถุงน้ำคร่ำให้ และบอกว่าแม่จะเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าทนไม่ได้ ให้ขอยากับพยาบาลได้เลย ซึ่งแม่ก็ถามว่าจะมีผลต่อลูกสาวหรอป่าว คุณหมอก็บอกว่า ก็มีผลนะ แค่นั้นแหละ แม่ก็บอกว่างั้นไม่เอาดีกว่าคะ แม่นอนทนกับความเจ็บปวดที่มาเป็นระยะๆ และรู้สึกว่าจะมากขึ้นเรื่อยๆ พลางก็ลูบท้องพูดกับลูกว่า ลูกแม่จ๋า เดียวเราก็จะได้เห็นหน้ากันแล้วนะ ช่วยๆกันหน่อยนะลูกแม่ อย่าให้แม่เจ็บนานนะ ตอนนั้นคิดว่าการร้องออกมาเป็นการปลดปล่อย เพื่อทำให้รู้สึกดีขึ้น แม่รู้สึกว่ามีน้ำอะไรไม่รู้เต็มไปหมดเลย จะลุกขึ้นดูก็ไม่ไหวแล้ว มันเจ็บมาก มาก จนอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก ร้องเรียกชื่อยายตลอด และก็คิดว่า เมื่อก่อนตอนที่เกิดแม่ ยายคงจะเจ็บมากๆเหมือนกัน ความรู้สึกว่า จากที่รักแม่อยู่แล้ว กลายเป็นรักแม่ มากๆๆๆๆขึ้นไปอีก นอนร้องครวนครางจนกระทั้งเวลา 12.00 นาฬิกา ก็ต้องขอยาแก้ปวดกับพยาบาล เพราะแม่เจ็บมากๆ นอนดิ้นไป ดิ้นมา ความรู้สึกนี้ คนที่ไม่เคยไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเป็นอย่างไร
13.30 นาฬิกา คุณหมอมาตรวจปากมดลูกอีกรอบ และก็ให้พยาบาล
เข็นแม่เข้าห้องคลอดได้เลย เสียงทั้งคุณหมอ พยาบาลและผู้ช่วย บอกให้แม่ออกแรงเบ่ง 1 2 3 เบ่ง คะ คุณแม่ เบ่งคะ อ้าว เอาใหม่นะคะ แม่จะได้ยินแต่เสียง เพราะแม่ไม่ลืมตาดูเลย ด้วยความที่เจ็บมากมาย ดีหน่อยที่ได้ฝึกการหายใจเอาไว้ ซึ่งก็ช่วยได้เยอะนะคะ แม่ใช้เวลาในการเบ่งลูก รู้สึกว่านานมาก ก็พูดกับคุณหมอว่า แม่คงไม่ไหวแล้วละ คุณหมอจะผ่าหรอว่าจะทำยังไงต่อไปก็ได้คะ เพราะตอนนั้นแม่หมดแรงแล้ว จากที่เมื่อคืน นอนก็นอนไม่หลับ แถมตอนเช้าก็ไม่ได้กินอะไร เพราะคุณหมองดอาหาร เผื่อฉุกเฉินต้องผ่าตัด แต่คุณหมอก็พยายามมากเลยคะ บอกตลอดว่าใกล้แล้วคะ คุณแม่ คุณแม่ออกแรงอีกนิดนะคะ เห็นหัวลูกสาวแล้ว แม่ก็รวบรวมแรงเบ่ง อีก รอบ จากที่คิดว่าไม่ไหวแล้ว แม่ก็ไม่รู้ว่ามีแรงมาจากไหน รู้สึกได้ว่ามีอะไรผ่านออกมา จากที่เจ็บท้องมากๆๆก็หายไปหมด ไม่รู้สึกเจ็บอะไร ทิ้งไว้แต่ร่องรอย หน้าแม่มีแต่เหงื่อเปียกโชก ได้ยินเสียงพยาบาลบอกว่า ลูกหนัก 3650 กรัม พยาบาลพาลูกมาให้นอนบนอกแม่ ลูกสาวรู้ไหมว่า แม่ดีใจมากที่สุดในโลกเลยที่ได้เห็นหน้าลูกสาว แม่มองหน้าลูกน้อยแล้วรู้สึกว่าแม่จะหมดแรงไปเลย คุณหมอบอกว่า ลูกตัวโตมาก ต้องใช้อุปกรณ์เข้ามาช่วย คือเครื่องดูด มันจะไม่มีผลอะไรกับลูกน้อย ศีรษะของลูกที่ไม่เป็นรอยเพราะคุณแม่เบ่งเป็น คุณหมอบอก พยาบาลบอกเวลาที่คลอดลูก 15.59 แม่นอนที่ห้องคลอดอยู่ 2 ชม.แบบว่าหลับแต่ไม่สนิทนะ พ่อเข้ามาจับมือแม่ บอกว่าลูกสาวน่ารักมากเลย แม่ยิ้ม อยากจะออกไปกอดลูก หลังคลอดจะรู้สึกว่าหิวน้ำเย็นมาก ระหว่างที่เบ่งอยู่พยาบาลยังคอยป้อนน้ำให้กินเลย เพราะต้องใช้แรงมากจริงๆ ความรู้สึกของความเป็นแม่ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง


หลังจากออกจากห้องคลอดแล้ว แม่ก็มานอนรอที่ห้องให้พยาบาลพาลูกมาให้ ซึ่งยายของลูกก็มารอแม่อยู่แล้ว ได้เห็นยายแม่ดีใจมาก รู้สึกอุ่นใจที่สุดเลย แล้วพยาบาลก็อุ้มลูกมาให้แม่ โอ้ ลูกสาวของแม่ ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน พ่อบอกว่าลูกสาวยิ้มเก่่งมากตั้งแต่ออกมาจากห้องคลอดแล้ว ออเอ้ ตลอดเลย หันมอง โน่นนี่ได้เห็นหน้าลูกสาวและแม่ปลอดภัย พ่อบอกว่าก็ดีใจที่สุดแล้ว มื้อแรกของลูกน้อยคือน้ำนมแม่ แม่ตั้งใจจะเลี้ยงลูกน้อยด้วยนมแม่เอง แม่ถามคุณหมอว่า จะรู้ได้ยังไงว่าลูกสาวของแม่จะมีอาการซีด มากน้อย แค่ไหน คุณหมอบอกว่า เลือดในตัวลูกน้อยตอนนี้จะเหมือนกับของแม่ ต้องรอให้ลูกน้อยอายุครบ 1 ขวบก่อนถึงจะตรวจเลือดลูกน้อยได้ แม่ก็ได้แต่ภาวนา ขออย่าให้ลูกสาวแม่เป็นอะไร ถ้ารักษาหายได้ แม่ก็จะรักษา
แม่กับพ่อได้คิดกันไว้ล่วงหน้าว่าต่อไปลูกอาจจะต้องการใช้เลือดที่เข้า
กับตัวลูกเอง พ่อกับแม่เลยใช้วิธีการเก็บสเต็มเซลล์ของลูกไว้ เผื่ออนาคตลูกสาวของแม่มีความจำเป็นต้องใช้ สิ่งอะไรที่พ่อกับแม่ ทำเพื่อลูกสาวได้ พ่อกับแม่ก็จะทำ และก็จะทำให้ดีที่สุด เป็นกำลังใจให้คุณแม่มือใหม่ทุกคนนะคะ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น